ค่าธรรมเนียมโอนรถบรรทุก เอกสาร ขั้นตอน และค่าใช้จ่ายที่ควรเตรียมก่อนถึงขนส่ง
- Marketer Whalevox
- 5 ต.ค.
- ยาว 1 นาที
ทำไมต้อง “โอนให้ถูกต้อง” ตั้งแต่แรก
การโอนคือการยืนยันความเป็นเจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นจุดเริ่มของความคุ้มครองด้านความรับผิด หากเกิดอุบัติเหตุหรือคดีหลังเปลี่ยนมือ ผู้ครอบครองตามทะเบียนจะถูกเรียกตรวจสอบก่อน การทำให้เสร็จครบถ้วนจึงลดความเสี่ยงทั้งด้านกฎหมายและค่าเสียหายที่อาจตามมา
เอกสารที่ควรเตรียมให้พร้อม
ก่อนวันไปติดต่อ ควรตรวจความครบถ้วนของเอกสารทั้งฝั่งผู้โอนและผู้รับโอน รวมถึงเอกสารประกอบกรณีรถยังผ่อนไฟแนนซ์ เพื่อหลีกเลี่ยงการวนคิวซ้ำและค่าบริการเพิ่มเติมที่ไม่จำเป็น
รายการเอกสารหลัก
เล่มทะเบียนตัวจริง, สำเนาบัตรประชาชน/นิติบุคคลของผู้โอน–ผู้รับโอน
หนังสือมอบอำนาจ (ถ้าไม่ได้ไปด้วยตนเอง) + สำเนาบัตรผู้รับมอบอำนาจ
สัญญาเช่าซื้อ/หนังสือปลดภาระ (ถ้ายังติดไฟแนนซ์)
ใบรับรองการตรวจสภาพ/น้ำหนัก (ถ้ากำหนด) และหลักฐานชำระภาษีค้าง
โครงสร้างค่าใช้จ่าย: มีอะไรรวมอยู่บ้าง
ค่าธรรมเนียมมักประกอบด้วยค่าคำขอ ค่าธรรมเนียมโอน อากรแสตมป์ และค่าจดเปลี่ยนข้อมูลบันทึกในทะเบียน (เช่น เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์/ที่อยู่) นอกเหนือจากนี้อาจมีค่าตรวจสภาพ ค่าพรบ./ภาษีที่ค้าง ค่าปรับกรณีเกินกำหนด และค่าบริการเอกชนถ้าเลือกใช้บริการอำนวยความสะดวก
ขั้นตอนตั้งแต่เตรียมรถถึงรับเล่ม
โดยทั่วไปเริ่มจากการตรวจเอกสารเบื้องต้น–ตรวจสภาพรถ (ถ้ากำหนด)–ยื่นคำขอ–ชำระค่าธรรมเนียม–รออนุมัติและปรับปรุงรายการในเล่ม คิวหน้างานขึ้นกับจังหวัดและช่วงเวลา การนัดหมาย–ตรวจรอบเอกสารก่อนวันจริงช่วยลดการวนคิวซ้ำ
เช็กลิสต์วันไปติดต่อ
ถ่ายรูปตัวถัง/เลขคัสซี/เครื่องยนต์เผื่อเจ้าหน้าที่ขอ
พกตรายาง/เอกสารมอบอำนาจที่ลงชื่อครบถ้วน
ตรวจสถานะภาษี–ค่าปรับค้างชำระให้เรียบร้อย
เตรียมเงินสำรอง/สลิปโอนกรณีใช้บริการเอกชนร่วม
เคล็ดลับลดค่าใช้จ่ายแฝง
การจัดเอกสารให้ครบตั้งแต่แรกคือวิธีประหยัดที่สุด รองลงมาคือการเลือกระยะเวลาที่คิวบาง (เช้า–กลางสัปดาห์) และตรวจสภาพรถให้ผ่านในครั้งเดียว เพื่อลดค่ากลับไปแก้และเสียเวลาเดินทางซ้ำ หากต้องการภาพรวมแนวทางดูแลรถและต้นทุนที่เกี่ยวข้อง สามารถ อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถบรรทุก ได้ที่ https://www.askkairod.com/truck












ความคิดเห็น